ชมวิหารพลับพลาเงินที่วัดกินคะคุจิ

วัดสำคัญแห่งเมืองเกียวโตที่ได้รับขึ้นทะเบียนมรดกโลก

หากกล่าวถึงชื่อวัดกินคะคุจิ (Ginkakuji) อาจจะฟังดูไม่คุ้นหูนัก แต่ถ้าพูดว่า “วัดเงิน” หลายๆคนอาจจะต้องร้องอ๋อขึ้นมาทันที่

วัดกินคะคุจิถือได้ว่าเป็นวัดดังอันดับต้นๆที่ใครมาเยือนเกียวโต ต่างก็ต้องมาสักการะและชื่มชมความงามของวิหารพลับพลาเงิน สถาปัตยกรรมอันโดดเด่นท่ามกลางธรรมชาติแวดล้อมที่งดงาม

วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเกียวโต บนเขาHigashiyamaฝั่งตะวันออก เป็นวัดนิกายเซนที่ถูกยกให้เป็นอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์แห่งเมืองเกียวโตที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปีค.ศ.1994 จากองค์การยูเนสโก

จากประวัติแต่เดิมวัดแห่งนี้เคยเป็นที่พักของอดีตโชกุนอะชิคางะ โยชิมาสะ โดยการมีจำลองแบบมาจากวัดพลับพลาทองคินคะคุจิ (Kinkakuji) ที่สร้างโดยโชกุนอะชิคางะ โยชิมิทสุ ผู้เป็นปู่ หลังจากโชกุนอะชิคางะ โยชิมาสะ สวรรคต วัดแห่งนี้จึงได้ถูกดัดแปลงให้เป็นวัดเซนในปีค.ศ.1490

เมื่อเดินผ่านประตูตรวจตั๋วแล้วจะเจอกับทางเดินแคบๆที่ถูกขนาบไปด้วยต้นคาเมเลียและรั้วไผ่ที่ใช้เป็นกำแพงกั้นความวุ่นวายภายนอกให้เข้าสู่ความสงบของวัดด้านใน เดินถัดมาจะเจอกับลานหินกรวดสีขาวจำลองมาจากท้องทะเลที่เรียกว่า “กินฉะดัน” (Ginshadan) และกองทรายรูปทรงกรวยสูงราวๆสองเมตร เรียกว่า “โคเง็ทสึได” (Kogetsudai) หรือที่เรียกอีกอย่างว่า "ลานชมจันทร์"

รอบๆบริเวณวัดจะมีสระน้ำและส่วนมอสที่จัดแต่งอย่างสวยงาม เมื่อเดินขึ้นไปทางเดินหลังของวัดจะเจอทางขึ้นเนินเขาที่สามารถขึ้นไปชมวิวของวัดและทิวทัศน์ของเมืองเกียวโตแบบ 180 องศา

ในส่วนของวิหารพลับพลาเงิน เป็นอาคารไม้สีดำสองชั้น ด้านในเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นพระโพธิสัตว์คันนง (แต่ไม่อนุญาตให้เข้าชม) บนหลังคามีสำริดรูปนกฟินิซ์คล้ายกับวิหารพลับพลาทอง สาเหตุที่มาของชื่อวัดเงินนั้น บ้างก็ว่าในอดีตช่วงเกิดสงครามทำให้เกิดความขัดสนเงินทองที่จะมาสร้างวิหาร จึงปล่อยให้เป็นโครงสร้างไม้ตามเดิม กับอีกสันนิษฐานหนึ่งก็ว่ามาจากเเสงจันทร์ในตอนกลางคืนที่ส่องสะท้อนกับตัวอาคารของวัดให้ดูเหมือนวิหารกลายเป็นสีเงินนั่นเอง

วัดกินคะคุจิอาจจะไม่ไม่เน้นความหรูหราเหมือนวัดคินคะคุจิ แต่ด้วยเสน่ห์แห่งความเรียบง่ายในแบบของเซนก็ทำให้วัดนี้ดึงดูนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมได้ไม่ยาก

ข้อแนะนำ เมื่ออกมาจากวัดจะเจอร้านชูครีมด้านขวามือ ร้านนี้เป็นร้านดังที่ใครๆมาวัดแห่งนี้ต้องลองทานชูครีมเนื้อนุ่มที่มีหลากหลายรสชาติให้เลือก ที่โดดเด่นที่สุดต้องยกให้ชูครีมชาเขียว ครีมเน้นๆ ไม่หวานจนเกินไป หอมกลิ่นใบชา ทานคู่กับชาร้อนที่ทางร้านมีไว้ให้บริการฟรี ทำให้หายเหนื่อยจากการเดินเที่ยวมาตลอดทั้งวันเลยแหละค่ะ

ค่าเข้าชม 500 เยน

เวลาทำการ 9.00 – 17.00 น. ช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์วัดจะเปิดใหห้เข้าชมเวลา 8.30 - 16.30 น.

การเดินทาง จากสถานีเกียวโต นั่งรถบัสสาย 5,17,100 ลงที่ป้าย Ginkakuji-michi

0
1
Apakah artikel ini bermanfaat?
Help us improve the site
Give Feedback

Tinggalkan komentar

Thank you for your support!

Your feedback has been sent.